เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ ระบุ เจดอน ซานโช่ ไปไม่รุ่งกับ แมนยูไนเต็ด เพราะปัญหาเรื่องการสื่อสาร จากการที่ ซานโช่ ไม่ค่อยชอบพูดอะไร
เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ อดีตสตาฟฟ์โค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าปัญหาเรื่องการสื่อสารคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ เจดอน ซานโช่ ทำผลงานได้แย่กับ “ปีศาจแดง”
ซานโช่ ย้ายมาอยู่กับ แมนยูไนเต็ด เมื่อตอนปี 2021 ท่ามกลางความคาดหวังว่าเขาจะเล่นได้ดีเหมือนตอนอยู่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่กลับกลายเป็นว่าแข้งวัย 24 ปีไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้ ซ้ำร้ายยังเคยมีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก กุนซือของทีมอีก จนสุดท้ายเขาต้องย้ายไปอยู่กับ เชลซี ด้วยสัญญายืมตัว
หลังโดนถามว่าทำไม ซานโช่ ถึงไปไม่รุ่งกับ แมนยูไนเต็ด แล้วนั้น แม็คคาร์ธี่ ก็ตอบว่า “มันเป็นปัญหาด้านการสื่อสารนิดหน่อย เพราะ ซานช์ เป็นคนที่เงียบมากๆ ทุกคนไม่รู้เรื่องอะไรในตอนนั้นๆ ของ เจดอน เลย แต่ละครั้ง เจดอน จะมารวมตัวกับทีม, ทำงานของเขา แล้วก็นิ่งเงียบสุดๆ”
“เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดีนะ เป็นคนที่มีบุคลิกที่ยอดเยี่ยม, เป็นนักเตะชั้นยอด, สามารถทำเรื่องที่น่าทึ่งได้ สำหรับผมแล้วมันน่าเสียดายมากๆ ที่ เจดอน ไปไม่รุ่งกับ ยูไนเต็ด เพราะผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะประเภทที่จะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในสีเสื้อของ ยูไนเต็ด แต่น่าเศร้าที่มันขาดการสื่อสารระหว่างกันและขาดการทำความเข้าใจกัน ผมคิดว่านั่นเป็นส่วนที่ทำให้ ซานช์ ไม่รุ่งกับทีม”
แม็คคาร์ธี่ เสริมว่า ซานโช่ ชอบกรุงลอนดอนมากๆ จนเคยแอบเดินทางไปเมืองหลวงของอังกฤษบ่อยตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่กับ แมนยูไนเต็ด แล้ว พร้อมเชื่อว่านั่นอาจจะมีส่วนทำให้เขาไปได้สวยกับ เชลซี “ตอนนี้มันถือว่าเขาอยู่ใกล้กับบ้านมากกว่าเดิมแล้ว สมัยก่อนเขายังแอบไปที่กรุงลอนดอนหลายครั้งเลย”
“มัน (การที่ ซานโช่ ไปอยู่ เชลซี) อาจจะเป็นเพราะเขาคิดถึงบ้านและอยากอยู่ใกล้กับครอบครัว, เพื่อนๆ หรือวัฒนธรรมเดิมของเขามากกว่าที่ผ่านมาก็ได้ ต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมของกรุงลอนดอนมันค่อนข้างรุนแรงเลย ผมคิดว่า เจดอน อาจจะอยากสัมผัสกับสิ่งแบบนั้นมากกว่าที่ผ่านมา แต่ก่อนเขาไปอยู่ที่กรุงลอนดอนค่อนข้างบ่อยเลย”
“ตอนนี้เขาได้อยู่ใกล้บ้านของเขามากขึ้นแล้ว ก็หวังว่าเขาจะหาความสงบแบบที่ต้องการเจอ, เล่นแบบยอดเยี่ยมเหมือนสมัยอยู่ ดอร์ทมุนด์ ได้นิดหน่อย รวมถึงได้รับความรักจากสตาฟฟ์โค้ชกับนักเตะคนอื่นๆ ตามที่เขาสมควรจะได้รับนะ ผมคิดว่าเขาจะกลายเป็นนักเตะที่พิเศษอีกครั้งได้ ผมเชื่อว่าทุกคนที่รู้จัก ซานโช่ ย่อมอยากให้เขาไปถึงระดับนั้นได้อยู่แล้ว เพราะมันจะเป็นเรื่องดีต่อโลกฟุตบอล”